วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการติดตั้งระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตใน Windows7

1.การเตรียมตัวก่อนเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

1.เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ขายกันท้องตลาดส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทั้งสิ้น คุณสมบัติของเครื่อง อย่างน้อยควรเป็น Pentium II ขึ้นไป มีหน่วยความจำไม่ต่ำหว่า 64 Mb
2. โมเด็ม (Modem) โมเด็มเป็นอุปกรณ์ในการส่งข้อมูลโดยแปลงสัญญาณ ดิจิตอลพอร์ตอนุกรมเป็นสัญญาณอนาล็อกส่งออกไปตามสายตัวโทรศัพท์และเมื่อถึงโมเด็มปลายทาง ตัวโมเด็มก็จะ แปลงสัญญาณอนาล็อกกลับเป็นดิจิตอลอีกครั้ง โมเด็มมีให้เลือกใช้งาน 2 แบบ คือ
                2.1 โมเด็มภายนอก (External Modem)  เป็นโมเด็มที่ติดตั้งอยู่ภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งง่าย การทำงานจะมีประสิทธิภาพดี ข้อเสีย คือ มีราคาแพง ซึ่งสามารถติดต่อได้ทั้งพอร์ต Com 1 และพอร์ต Com 2



                2.2 โมเด็มภายใน (Internal Medem) เป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นการ์ด ข้อดี มีราคาถูก แต่ติดตั้งลำบาก และมีประสิทธิภาพการใช้งานต่ำกว่าโมเด็มภายนอก มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบเหมือนกับการ์ด ทั่วๆไปเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์พอสมควร เพราะโมเด็มประเภทนี้จะติดตั้งยากและ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการชนกันระหว่างอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ โมเด็มที่ใช้งานควรมีคุณลักษณะตามมาตรฐาน ดังนี้
        1. ความเร็วไม่น้อยกว่า 56 Kbps
        2. อย่างน้อยต้อง ใช้กับ Protocol v.90
        3. รับ-ส่ง Fax 14.4 Kbps ตามมาตรฐาน v.7 ขึ้นไป
        4. มีมาตรฐานของ v.42 (Correction) และ v.42 bis (Compression)

3.คู่สายโทรศัพท์  ต้องใช้คู่สายโทรศัพท์ 1 หมายเลขที่ใช้ปกติอยตามบ้านหรือจะเช่าคู่สายโทรศัพท์สำหรับ เชื่อมต่อสัญญาณกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP เพิ่มก็ได้ เพราะจะได้แยกการใช้โทรศัพท์ธรรมดากับโทรศัพท์ที่ใช้กับเครื่องต่ออินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามคู่สาย โทรศัพท์ยังมีการให้เลือกใช้อีกหลายระดับซึ่งสามารถเช่าคู่สายเฉพาะที่จะใช้ต่อเชื่อมสำหรับระบบ คอมพิวเตอร์ เช่น สายต่อลีดส์ลาย (Leased Line) สายจากระบบ Data Net และสายแบบ ISDN (Integrated Service Digital Network) เป็นต้น แต่การใช้คู่สายพิเศษดังกล่าวจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ใน ระดับองค์กรมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป



4. ซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานบนอินเทอร์เน็ต             หมายถึงโปรแกรมที่ใช้ในการปฏิบัติงานบนอินเทอร์เน็ต ได้แก่ Internet Explorer, ICQ เป็นต้น
5. Internet
Account
        Internet Account คือ บัญชีผู้ใช้ที่แต่ละแห่งอนุญาตให้เจ้าของบัญชีมีสิทธิในการใช้บริการต่างๆ ถ้าเป็นบัญชีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต จะหมายถึง ผู้ใช้คนนั้นจะมีชื่อในการล็อกอิน (Login Name, User Name) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อเข้าไปใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้ ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต เราจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่อยู่ในเขตจังหวัดนั้นเสียก่อน ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ ISP มีอยู่หลายราย แต่ละรายก็มีความเร็วในการใช้งานแตกต่างกันออกไป รวมทั้งราคาค่าบริการการใช้งานก็แตกต่างกันไปด้วยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้นั้น เราจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ที่มีอยู่ในเขตจังหวัดนั้นเสียก่อน ซึ่งผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตก็อยู่ด้วยกันหลายราย แต่ละรายก็มีความเร็วในการใช้งานแตกต่างกันไป รวมทั้งราคาการใช้งานก็จะแตกต่างกันเช่นกัน การคิดราคาการใช้งานนั้น โดยส่วนใหญ่จะคิดเป็นรายชั่วโมง ประมาณชั่วโมงละ 15 ถึง 50 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการใช้งาน


2.การติดตั้งโมเด็ม

 1.เข้าไปที่ Control Panel แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ Modem



2. คลิกที่ปุ่ม Add… เพื่อติดตั้งโมเด็มเข้ามา
3. หน้าจอนี้จะถามว่าจะให้ค้นหาโมเด็มโดยอัตโนมัติหรือไม่ถ้าไม่ทราบรุ่นของโมเด็มก็ให้เลือกค้นหาอัตโนมัติ ถ้าทราบก็ไม่จำเป็น จากนั้นกด Next 

4.  เลือกยี่ห้อและรุ่นของโมเด็มให้ตรงกับที่ใช้งานอยู่ หรือกดที่ Have Disk… เพื่อติดตั้งจากแผ่น Driver ที่ให้มากับโมเด็ม แล้วกด Next 

5. เลือก COM Port ที่ต่อกับโมเด็ม แล้วกด Next 

6.  กด Finish เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งโมเด็ม 

7.  คลิกที่แถบ Diagnostics แล้วเลือก COM Port ที่ต่อกับโมเด็มแล้วกด More Info...… คอมพิวเตอร์จะทำการติดต่อกับโมเด็ม 

8.  ถ้าไม่สามารถติดต่อได้จะปรากฏหน้าจอดังรูป 
การตรวจสอบในเบื้องต้น ให้ตรวจสอบสายสัญญาณระหว่างคอมพิวเตอร์กับโมเด็มว่าต่อดีหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ให้สอบถามกับบริษัทที่ซื้อโมเด็มมา
 9.  ถ้าหน้าจอปรากฏดังรูปข้างล่างนี้ แสดงว่าคอมพิวเตอร์กับโมเด็มสามารถติดต่อกันได้ 



2.1 โมเด็ม 56 K
Dial-Up Modem (56K Dial-UP)


เป็นโมเด็มแบบอนาล็อคที่ใช้ในการรับส่งสัญญาณผ่านระบบโทรศัพท์แบบธรรดา เวลาเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในแต่ละครั้งจำเป็นจะต้องหมุนหมายเลขโทรศัพท์ไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เร็ต (ISP) ด้วย มาตราฐานล่าสุดที่ใช้กันในปัจจุบัน คือ V.92 ซึ่งให้ Bit Rate หรืออัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดที่ 56/33.6 Kbps (รับข้อมูลขาลงจากอินเทอร์เน็ต หรือ Download ที่ความเร็ว 56 Kbps และส่งข้อมูล ขาขึ้น Upload ที่ความเร็ว 33.6 Kbps)

2.2 โมเด็ม ADSL ( โมเด็ม Hi – Speed )
ADSL Modem (High-Speed Internet)เป็นโมเด็มแบบดิจิตอลที่ใช้เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารและรับส่งข้อมูลกันด้วยระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนคู่สายโทรศัพท์แบบะรรดา โดยเลือกใช่ย่านความถี่ที่ไม่มีในการใช้งานอินเทอร์เน็ต (โมเด็มแบบ Dial-Up ในระหว่างใช้งานอินเทอร์เน็ตจะำม่สามารถใช้โทรศัพท์ปกติไปพร้อมๆกันได้) อีกทั้งเวลาเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในแต่ละครั่ง ก็ไม่จำเป็นต้องหมุนหมายเลขโทรศัพท์เหมือนกับ 56k Dial-Up อีกด้วย ปัจจุบันเทคโนโยยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Hing-Speed Internet) และโมเด็มของ ADSL นี้กำลังเป็นที่นิยมและได้กลายเป็นมาตรฐานที่ใช้งานกันโดยทั่วไป ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้ความเร็วได้ตามต้องการจากผ๔้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เช่น 256/128, 512/256 และ 1024/512 Kbps เป็นต้น โดยแต่ละความเร็วจะมีอัตราค่าบริการแต่กต่างกันไปสำหรับอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดด้วยระบบ ADSL ในปัจจุบันจะอยู่ที่ 8192/1024 Kbps หรือก็คือ รับส่งข้อมูลขาลงจาก ISP (Download) ด้วยความเร็วสูงสุด 16 Mbps และส่งข้อมูลขาขึ้นไปหา ISP (Uplpad) ด้วยความเร็วสูงสุด 1 Mbps
2.3 Wireless Router Modem
1. เปิดเว็บบราวเซอร์แล้วพิมพ์192.168.1.1 แลว้ กด Enter ที่แป้นคีย์บอรด์ เพื่อเข้าสู้หน้าAdmin
2. จะมีdialog box แสดงขึ้นมาให้เรากรอก Username และ Password ให้กรอกข้อมลู ดังนี้
User name : admin
Pasword : admin
จากนั้นกดที่ปุ่ม OK
3. เมื่อเข้าสู้หน้าเว็บ Admin ไดแล้ว ให้ใช้เมาส์กดเลือกที่ Quick Star
4. ใช้เมาส์กดเลือกที่ RUN WIZARD
5. ใช้เมาส์กดเลือกที NEXT
6. ใช้เมาส์กดเลือก Time Zone ให้เป็น (GMT+07:00) Bangkok,Jakata,Hanoi แล้ว กด NEXT
7. กดเลือกที่ PPPoE / PPPoA ใชเมาส์กดเลือกที่ NEXT
8. ในหน้าPPPoE/PPPoA ให้ก้รอกข้อมลู 
9. ในหน้าWlan ใหตั้งค้า
10. ในหน้าQuick Start Complete ให้กดที่ปุ่ม NEXT
11. หลงัจากกดปุ่มNEXT จนปุ่ม เปลี่ยนเป็น คำว่า Close ก็ให้กดที่ปุ่ม Close เพื่อปิดิหน้าจอแลว้ รอประมาณ 1 นาทีจงึสามารถใช้งานอินเตอเต็ ได้ตามปรกติ

3.การกำหนดค่าตัวเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็ม 56 K

1.คลิก Start >> All Programs >> Accessories >> Communications >> New Connection Wizard
2. คลิก Next
3. ติ๊กทำเครื่องหมายจุดภายในวงกลมเล็ก แถว Connect to the Internetเสร็จแล้วคลิก Next
4. ติ๊กทำเครื่องหมายจุดภายในวงกลมเล็ก แถว Set up my connection manuallyเสร็จแล้วคลิก Next
5. ติ๊กทำเครื่องหมายจุดภายในวงกลมเล็ก
แถว Connect using a dial-up modem เมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยโมเด็ม 56K
แถว Connect using a broadband connection that requires a user name and password เมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง DSL หรือเคเบิ้ลโมเด็ม ที่ต้องป้อน user name และ password ทุกครั้งที่เชื่อมต่อเข้าอินเทอร์เน็ต
แถว Connect using a broadband connection that is always on เมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง DSL หรือเคเบิ้ลโมเด็ม ที่เชื่อมต่อตลอดเวลาเสร็จแล้วคลิก Next
6. ตั้งชื่ออะไรก็ได้ ที่ง่ายต่อการจดจำ พิมพ์ในช่อง ISP Name (ISP=Internet Service Provider=ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต) ตัวอย่างเช่น ใช้อินเทอร์เน็ตขององค์การโทรศัพท์ พิมพ์ TOT หรือเป็นชื่ออื่นก็ได้ แต่ต้องเป็นอักษรภาษาอังกฤษเท่านั้นเสร็จแล้วคลิก Next
7. พิมพ์หมายเลขเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของ ISP นั้น ในช่อง Phone number ตัวอย่างเช่น TOT พิมพ์ 1222เสร็จแล้วคลิกNext
8. พิมพ์ Username และ Password ที่ต้องใช้ผ่านในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของ ISP นั้น ตัวอย่างเช่น TOT พิมพ์U89$0y)9@totonline.net ในช่อง Username และพิมพ์ j4**9c+p ในช่อง Password กับที่ Confirm Passwordเสร็จแล้วคลิก Next
9. คลิก Finish เสร็จสิ้นการสร้าง New Connection Wizard
10. จากนั้น ต้องตั้งค่าการทำงานใน Internet Options ของ ISP นั้น
คลิก Start >> Control Panel >> Network and Internet Connections >> Internet Options >> Connections
จะเห็นชื่อ TOT ที่สร้างไว้ อยู่ในช่อง Dial-up and Virtual Private Network settings ให้คลิกชื่อ ISP ในช่องนั้น ที่ต้องการจะตั้งค่า ในที่นี้คลิก TOT
แล้วมาติ๊กทำเครื่องหมายจุดภายในวงกลมเล็ก แถว Always dial my default connection
เสร็จแล้วคลิกที่ Set Default
11. เมื่อเลือก ISP ไหนเป็น Default แล้ว ให้กลับไปติ๊กทำเครื่องหมายจุดภายในวงกลมเล็ก แถว Never dial a connection
การที่ต้องติ๊กทำเครื่องหมายจุดภายในวงกลมเล็ก แถว Never dial a connection มีประโยชน์มาก ป้องกันไม่ให้วินโดว์หมุนเบอร์ต่ออินเทอร์เน็ตเองอัตโนมัติ เวลาที่เน็ตหลุด หรือเน็ตครบเวลาตัด อันจะทำให้ค่าโทรศัพท์เพิ่มขึ้นโดยเปล่าประโยชน์
12. จากนั้น คลิกที่ Settings
13. จะเห็น User name และ Password ที่ตั้งไว้ ข้อน่าสังเกตอีกอย่าง ช่องสี่เหลี่ยมเล็ก จะปล่อยว่างไว้ทั้งหมด (ในภาวะปรกติ)
ต่อไป คลิกที่ Properties
14. จะเห็น หมายเลขเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้หมุนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ในช่อง Phone number และสามารถลบทิ้ง แล้วเปลี่ยนเป็นเบอร์ใหม่ได้ ในกรณีที่ ISP นั้น มีหลายเบอร์ให้ใช้
จะต้องมีติ๊กทำเครื่องหมาย ถูก ในช่องสี่เหลี่ยมเล็ก แถว Show icon in notification area when connected เพราะถ้าไม่ได้ทำเครื่องหมายถูกไว้ จะไม่มีรูปโทรศัพท์คู่กะพริบ ตรงมุมขวาล่างจอต่อไป คลิกที่ Configure
15. ที่ maximum speed (bps) คลิกเลือกค่ามากสุดที่มี ในนี้ที่เห็น คือ 921600
ส่วนช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ติ๊กทำเครื่องหมายถูก
16. เมื่อเลือก maximum speed (bps) เสร็จแล้ว คลิก OK กลับออกมา คลิกที่ Alternates
17. เมื่อคลิก Alternates เข้ามา จะเห็นหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของ ISP ในนี้ที่เห็น คือ 1222 และจะเห็นมีปุ่ม Add... กับปุ่มอื่นๆอีก โดยปุ่มAdd มีไว้คลิกเพิ่มหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของ ISP เดียวกัน หรือจะเป็นของ ISP รายอื่นก็ได้
ที่ทำไว้ Add ใช้ได้หลายเบอร์ เพื่อเวลาที่เบอร์แรก หรือเบอร์ต้นหมุนไม่ผ่าน สายไม่ว่าง ก็จะหมุนเบอร์อันดับต่อๆมา วนกระทั่งเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
แต่แนะนำให้มีเพียงเบอร์เดียวในนี้ จะเหมาะสมกว่า เพื่อป้องกันค่าใช้โทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้นโดยเปล่าประโยชน์
ช่องสี่เหลี่ยมเล็กทั้งหมดในนี้ ให้ปล่อยว่างไว้
เสร็จแล้วคลิก OK ออกมา
18. ต่อมาคลิกด้านบน ที่แท็ป options และตั้งค่าตามรูปที่เห็นข้างล่างต่อไปนี้
เสร็จแล้วคลิก OK
19. ต่อมาคลิกด้านบน ที่แท็ป Advanced ตรงนี้ ที่ไว้กำหนดการทำงานของ ไฟร์วอล(Firewall) หรือระบบป้องกันของวินโดว์เอง
ถ้าจะเปิดไฟร์วอลของวินโดว์ให้ทำงาน เพียงคลิกทำเครื่องหมาย ถูก ภายในช่องสี่เหลี่ยมเล็ก แถว Protect my computer and network by limiting or preventing access to this computer from the Internet
แนะนำให้ ยกเลิก การใช้ไฟร์วอลของวินโดว์ จะทำให้การทำงานต่างๆมีเสถียรภาพดีขึ้นมาก แต่ต้องได้ติดตั้งซอฟแวร์ระบบป้องกันของตัวอื่นไว้แล้ว ได้แก่ Ad-Aware SE Professional, ZoneAlarm Pro เป็นต้น
20. เสร็จจากไฟร์วอล ออกมาที่ เห็นตามรูปข้างล่างนี้ จากนั้นคลิก Advanced
21. เมื่อคลิก Advanced (รูปบน) จะมาที่ Advanced Dial-Up ให้ตั้งค่าไว้ 1 ที่ Try to connect
22. เสร็จจาก Advanced Dial-Up (รูปบน) คลิก OK มาถึงรูปข้างล่างนี้ แล้วคลิก LAN Settings...
23. เมื่อคลิก LAN Settings... (รูปบน) จะมาที่ Local Area Network (LAN) Settings ที่ตำแหน่งนี้ ไว้สำหรับตั้ง proxy ของระบบ LANเท่านั้น
ปรกติ ในนี้จะปล่อยว่างไว้ทุกช่อง ดังรูปข้างล่างนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร
เสร็จแล้วคลิก OK ออกจากการตั้งค่า New Connection Wizard
24. แนะนำเพิ่มเติม เทคนิคการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โมเด็ม 56k
ในภาวะปรกติ ถ้าการเชื่อมต่อครั้งแรก ERROR ให้คลิก CANCEL แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ อย่าคลิกให้เชื่อมต่อทันที
เมื่อกำลังเชื่อมต่อ และขณะที่มีเสียงความถี่สูงอยู่นั้น ห้ามคลิกเมาส์เล่น หรือคลิกอะไรก็ตาม อย่ามือซน ควรปล่อยให้เมาส์อยู่นิ่งๆ กระทั่งการเชื่อมต่อสำเร็จ เห็นจอคู่เล็กกะพริบอยู่ที่มุมขวาล่างจอ

4.การกำหนดค่าตัวเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

        1. เปิดหน้าต่างเว็บเบราเซอร์อย่าง Internet Explorer หรือ Mozilla Firefox แล้วใส่ค่า IP Address ของตัวโมเด็มเข้าไป ก็จะได้หน้าต่างดังรูป
IP Address ของโมเด็มบางยี่ห้อจะไม่เหมือนกัน อาจจะเป็น 192.168.1.1 ตรงนี้เราสามารถเปิดดูจากคู่มือได้ครับ แล้วกรอกชื่อUsername/Password สำหรับล็อกอิน
ในที่นี้ผมขอเอารูปตัวอย่างของโมเด็มที่ใช้อยู่มาทำภาพประกอบก็แล้วกัน การตั้งค่าต่อไปนี้กับโมเด็มยี่ห้อ/รุ่นอื่นๆไม่แตกต่างกันมาก
        2. เมื่อล็อกอินเข้าสู่ระบบก็จะพบกับหน้าจอหลัก แล้วเลือก Setup Wizard สำหรับการตั้งค่าอย่างง่าย
        3. คลิก Next เพื่อไปยังขั้นตอนต่างๆ
        4. เลือกเขตเวลาให้ตรงกับประเทศที่อยู่อาศัย
        5. เลือกประเทศที่อยู่อาศัยและประเภทของการติดต่อสื่อสาร
        6. ตรวจสอบดูว่าค่าหลักๆอย่างค่า VPI, VCI และ Protocol ของท่านกับ ISP ค่าใดตรงกับ ISP ที่ท่านใช้บริการอยู่ก็ให้เอามาใส่ให้ตรงกับการปรับแต่งของโมเด็มครับ แล้วใส่ชื่อ Username และ Password ให้ตรงกับที่ทาง ISP ให้มา
        7. ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย หลังจากนี้ ในการใช้งานอินเตอร์เน็ตครั้งต่อไป ก็เพียงแค่เปิดการทำงานของโมเด็มและเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ทันที


5.การกำหนดค่าตัวเชื่อมต่อผ่าน Wireless Router Modem

1.แกะกล่องกันเลย ไม่อธิบายนะครับว่าประกอบยังไงบ้างเพราะมันมีแค่สาย โทรศัพท์ สายแลน และเสาสัญญาณ ไวเลสเท่านั้น (ดูตามคู่มือ) จัดการติดตั้งให้เรียบร้อยแล้วเสียบสาย LAN เข้าที่ router กับเครื่องคอมของคุณ
2.จากนันเปิด web browser ขึ้นมาพิมพ์ 192.168.1.1  แล้วกด enter ใส่ Username และ password ว่า admin
3.เตรียมรายละเอียดการติดตั้งที่ไปขอมาจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP) ให้เรียบร้อยในภาพตัวอย่างเป็นของ TOT ครับ
4.ที่ Quick start เลยครับง่ายสุด เค้ามี wizard ให้เราทำตามอย่างง่ายดาย
5.จะมีหน้าต่าง Wizard เล็ก ๆ ขึ้นมาบอกขั้นตอนว่ามีอะไรบ้าง
6.ตั้งค่า Timezone ของเมืองไทยคือ +เลือกแล้วกด next เลย
7.เลิก ISP connection type สำหรับเมืองไทยเป็นค่านี้หมดครับ PPPoE/PPoA
8.จากนั้นใส่ User name และpassword ที่ได้มาจากผู้ให้บริการและใส่ค่า VPI,VCI ตามที่ผู้ให้บริการกำหนดมาครับ
***ค่า VPI/VCI ของผู้ให้บริการเจ้าต่าง ๆ  ที่มา www.adslthailand.com
9.ขั้นตอนนี้เป็นการตั้งค่า wireless LAN ครับใส่ค่า SSD (Workgroup ของ WLAN ถ้าคุณตั้งชื่อเดียวกับ Workgroup ของ LAN ธรรมดาจะทำให้มันสามารถมองเห็นกันได้ครับ)
จากนั้นก็ให้ตั้งค่ารหัสผ่านสำหรับการเข้าระบบ WLAN มีให้เลือกทั้ง 64 และ 128 bit ก็เลือกแล้วก็ไปใส่key ตามจำนวน bit ที่เลือกไว้ครับ
10.เรียบร้อยแล้ว กด next และ close รอสักพักเพื่อให้ router reboot
11. reboot เสร็จแล้วเข้ามาดูหัวข้อ Status ถ้าเซตถูกสถานะมันจะเป็น UP แสดงว่าเราสามารถใช้ Internet ได้แล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กลุ่มอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Cyber-Crime) เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อโจมตีระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลที่อยู่บนระบบดังกล่าว ส่วนในมุมมองที่กว้างขึ้น “อาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับคอมพิวเตอร์” หมายถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งอาศัยหรือมีความเกี่ยวเนื่องกับระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมประเภทนี้ไม่ถือเป็นอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์โดยตรง

ในการประชุมสหประชาชาติครั้งที่ 10 ว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด (The Tenth United Nations Congress on the Prevention of Crime and the Treatment of Offenders) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา เมื่อวันที่ 10-17 เมษายน 2543 ได้มีการจำแนกประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต, การสร้างความเสียหายแก่ข้อมูลหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์, การก่อกวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย, การยับยั้งข้อมูลที่ส่งถึง/จากและภายในระบบหรือเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และการจารกรรมข้อมูลบนคอมพิวเตอร์

โครงการอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (Cyber-Crime and Intellectual Property Theft) พยายามที่จะเก็บรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูล และค้นคว้าเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ 6 ประเภท ที่ได้รับความนิยม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและผู้บริโภค นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขอบเขตและความซับซ้อนของปัญหา รวมถึงนโยบายปัจจุบันและความพยายามในการปัญหานี้

อาชญากรรม 6 กลุ่ม ดังกล่าวได้แก่
  1. การเงิน – อาชญากรรมที่ขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการทำธุรกรรม อี-คอมเมิร์ซ(หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์)
     
  2. การละเมิดลิขสิทธิ์ – การคัดลอกผลงานที่มีลิขสิทธิ์ ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอินเทอร์เน็ตถูกใช้เป็นสื่อในการก่ออาชญากรรม แบบเก่า โดยการโจรกรรมทางออนไลน์หมายรวมถึง การละเมิดลิขสิทธิ์ ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์
     
  3. การเจาะระบบ – การให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และในบางกรณีอาจหมายถึงการใช้สิทธิการเข้าถึงนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้การเจาะระบบยังอาจรองรับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นๆ (เช่น การปลอมแปลง การก่อการร้าย ฯลฯ)
     
  4. การก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ – ผลสืบเนื่องจากการเจาะระบบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัว เช่นเดียวกับการก่อการร้ายทั่วไป โดยการกระทำที่เข้าข่าย การก่อการร้ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-terrorism) จะเกี่ยวข้องกับการเจาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อก่อเหตุรุนแรงต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน หรืออย่างน้อยก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัว
     
  5. ภาพอนาจารทางออนไลน์ – ตามข้อกำหนด 18 USC 2252 และ 18 USC 2252A การประมวลผลหรือการเผยแพร่ภาพอนาจารเด็กถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และตามข้อกำหนด 47 USC 223 การเผยแพร่ภาพลามกอนาจารในรูปแบบใดๆ แก่เยาวชนถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย อินเทอร์เน็ตเป็นเพียงช่องทางใหม่สำหรับอาชญากรรม แบบเก่า อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการควบคุมช่องทางการสื่อสารที่ครอบคลุมทั่วโลกและเข้าถึงทุกกลุ่มอายุนี้ได้ก่อให้เกิดการถกเถียงและการโต้แย้งอย่างกว้างขวาง
     
  6. ภายในโรงเรียน – ถึงแม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นแหล่งทรัพยากรสำหรับการศึกษาและสันทนาการ แต่เยาวชนจำเป็นต้องได้รับทราบเกี่ยวกับวิธีการใช้งานเครื่องมืออันทรงพลังนี้อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ โดยเป้าหมายหลักของโครงการนี้คือ เพื่อกระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมาย สิทธิของตนเอง และวิธีที่เหมาะสมในการป้องกันการใช้อินเทอร์เน็ตในทางที่ผิด
ที่มา : http://www.microsoft.com/thailand/piracy/cybercrime.aspx

รูปแบบของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์

ปัจุบันทั่วโลก ได้จำแนกประเภทอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้  9  ประเภท
(ตามข้อมูลคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจร่างกฎหมายอาชญากรรมทาคอมพิวเตอร์)

1. การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลักลอบใช้บริการ
2. การปกปิดความผิดของตัวเอง โดยใช้ระบบการสื่อสาร
3. การละเมิดลิขสิทธิ์ ปลอมแปลงรูปแบบเลียนแบระบบซอฟแวร์โดยมิชอบ
4. การเผยแพร่ภาพ เสียง ลามก อนาจาร และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
5. การฟอกเงิน
6. การก่อกวน ระบบคอมพิวเตอร์ เช่น ทำลายระบบสาธารณูปโภค  เช่น   ระบบจ่ายน้ำ จ่ายไฟ จราจร
7. การหลอกลวงให้ร่วมค้าขาย หรือ ลงทุนปลอม (การทำธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย)
8. การลักลอบใช้ข้อมูลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ   เช่น การขโมยรหัสบัตรเครดิต
9. การใช้คอมพิวเตอร์ในการโอนบัญชีผู้อื่นเป็นของตัวเอง

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 4 ลักษณะ คือ

 

1. การเจาะระบบรักษาความปลอดภัย ทางกายภาพ  ได้แก่ ตัวอาคาร อุปกรณ์และสื่อต่างๆ
2. การเจาะเข้าไปในระบบสื่อสาร และการ รักษาความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ข้อมูลต่างๆ
3. เป็นการเจาะเข้าสู่ระบบรักษาความปลอดภัย ของระบบปฏิบัติการ(Operating System)
4. เป็นการเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการกระทำความผิด


ตัวอย่างอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
 1. Morris Case
       การเผยแพร่หนอนคอมพิวเตอร์ (Worm)      โดยนายโรเบิร์ต ที มอริส  นักศึกษา สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล
หนอน (worm) สามารถระบาดติดเชื้อจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องหนึ่ง ทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้ โดยมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
      ; ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี แต่ให้รอลงอาญา โดยให้บริการสังคมเป็นเวลา   400 ชั่วโมง และปรับเป็นเงิน 10,050 ดอลลาร์สหรัฐ

2. Digital Equipment case
       เดือนธันวาคม ค.ศ.1980 เครือข่ายของบริษัท Digital Equipment Corporation ประสบปัญหาการทำงาน โดยเริ่มจากบริษัท U.S Leasing
- คนร้ายโทร. ปลอมเป็นพนักงานคอมของ บริษัท Digital Equipment
- ขอเข้าไปในระบบ(Access)โดยขอหมายเลขบัญชีผู้ใช้ (Account Number) และรหัสผ่าน (password)
- ต่อมามีการตรวจสอบ
- มีการก่อวินาศกรรมทางคอมพิวเตอร์
* คอมพิวเตอร์พิมพ์ข้อความหยาบคาย เครื่องพิมพ์ พิมพ์กระดาษเต็มห้อง
*ลบข้อมูลในไฟล์บริษัททิ้งหมด เช่น ข้อมูลลูกค้า สินค้าคงคลัง ใบเรียกเก็บเงิน

3. “141 Hackers” และ “War Game”
       ภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1983
“141 Hackers” การเจาะระบบสาธารณูปโภคของสหรัฐอเมริกา
 “War Game” การเจาะระบบจนกระทั่งเกือบเกิดสงครามปรมาณู ระหว่าง สหรัฐอเมริกา และโซเวียต
  ทั้งสองเรื่อง ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมของสภาคองเกรส (Congress)

4. ไวรัส Logic bomb/Worm ใน Yahoo
    ทำลายระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการของ Yahoo ในปี 1997  
  ทำลายระบบคอมพิวเตอร์นับล้านเครื่อง

5. การเจาะระบบข้อมูลของ Kevin Mitnick
      โดยเจาะระบบของนักฟิสิกส์ Shimomura ของ San Diego   Supercomputer center
-  เจาะระบบการบริการออนไลน์ The Well
-  เจาะระบบโทรศัพท์มือถือ
-   ไม่แสวงหาผลประโยชน์
-  Mitnick เจาะระบบข้อมูลเหมือนคนติดยาเสพติด ไม่สามารถเลิกได้

 6. การปล้นเงินธนาคารพาณิชย์ 5.5 ล้านบาท
    คนร้ายเป็นอดีตพนักงานธนาคาร โดยมีคนในร่วมทำผิด เป็นทีม  
วิธีการ
-    โดยการปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน เพื่อขอใช้บริการ ฝาก-ถอน
-    โอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ต “อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง” ซึ่งเป็นบัญชี ของลูกค้าที่มีการฝากเงินไว้เป็นล้าน
-   เมื่อได้รหัสผ่าน(Password)แล้ว ทำการโอนเงินจากบัญชีของเหยื่อ ทางอินเตอร์เน็ต และทางโทรศัพท์ (เทโฟนแบงค์กิ้ง) ไปเข้าอีกบัญชีหนึ่ง ซึ่งได้เปิดไว้โดยใช้หลักฐานปลอม
   * ใช้บริการคอมฯ จากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่หลายแห่ง
   * ใช้ A.T.M. กดเงินได้สะดวก
    (ปัจจุบัน ร.ร.คอมฯเปิดสอนเกี่ยวกับการแฮคเกอร์ข้อมูล, การใช้อินเตอร์เน็ตคาเฟโดยเสรี ไม่กำหนดอายุ เงื่อนไข การแสดงบัตรประชาชน)

7. การทุจริตในโรงพยาบาล และบางบริษัท
  โดยการทำใบส่งของปลอมจากคอมพิวเตอร์ เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมคอมพิวเตอร์ ยักยอกเงินโรงพยาบาล 40,000 เหรียญ
    โดยการทำใบส่งของปลอมที่กำหนดจากเครื่องคอมพิวเตอร์โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ ควบคุมสินเชื่อ  จัดทำใบส่งของปลอม จากบริษัทที่ตั้งขึ้นปลอม    โดยให้เช็คสั่งจ่ายบริษัทปลอมของตัวเองที่ตั้งขึ้น 
สูงถึง 155,000 เหรียญ
  
8. การทุจริตในบริษัทค้าน้ำมัน
     พนักงานควบคุมบัญชี สั่งให้คอมพิวเตอร์นำเช็คจ่ายภรรยา แทนการจ่ายให้แก่เจ้าของที่ดิน โดยการแก้ไขรหัสผู้รับเงิน

9. การทุจริตในธนาคารของเนเธอร์แลนด์
     ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ และผู้ช่วยถูกจับในข้อหายักยอกเงินธนาคารถึง  65 ล้านเหรียญ ภายใน 2 ปี โดยการแก้ไขรหัสโอนเงินที่สามารถโอนเงินผ่านคอมพิวเตอร์

10. การทุจริตในบริษัทประกัน
    เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินไหมทดแทนของบริษัท  ทำการทุจริตเงินของ บริษัทจำนวน 206,000 เหรียญ ในรอบ 2 ปี ใช้ความรู้เรื่องสินไหมทดแทน โดยใช้ชื่อผู้เสียหายปลอมแต่ใช้ที่อยู่ของตัวเองและแฟน

11. ระบบคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัยมิชิแกน
     ระบบข้อมูลซึ่งประมวลโดยคอมพิวเตอร์ ที่มีผู้สามารถจัดการข้อมูลได้ มากกว่า 1 คน ทำให้ระบบข้อมูลนักศึกษา 43,000 คนได้รับความเสียหาย คะแนนเฉลี่ยถูกเปลี่ยน ข้อมูลบางอย่างถูกลบ

12. การทุจริตในบริษัทแฟรนไชส์
    เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ของบริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ ทำการทุจริต  ลบข้อมูลสินค้าคงคลัง
และค่าแรงของแฟรนไชส์ 400 แห่ง

13. การทุจริตในกรมสวัสดิการสังคมของแคลิฟอร์เนีย
      หัวหน้าและเสมียน ยักยอกเงินไปกว่า 300,000 เหรียญ ภายในหนึ่งปี  โดยการร่วมกันจัดทำใบเบิกปลอม และไม่ผ่านกระบวนการอนุมัติที่ถุกต้อง

14. การทุจริตสนามม้าแข่งในออสเตรเลีย
       เสมียนที่ควบคุมในระบบม้าแข่งแห่งหนึ่งของรัฐบาลได้ทุจริต การแก้ไขเวลาในเครื่องให้ช้าลง
3 นาที ทราบผลการแข่งขันจะโทรแจ้งแฟน   ความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่มีใครพิสูจน์ทราบ ไม่รู้ว่าทำมานานเท่าใด จับได้เพราะแฟนสาวโกรธที่ได้เงินมาแล้วแบ่งให้หญิงอื่น

15. การทุจริตโกงเงินในบริษัท
       เช่น  โปรแกรมเมอร์นำเอาโปรแกรมบัญชีฝากเผื่อเรียก มายักยอกเบิกเกินบัญชี ในบัญชีตนเอง เป็นเวลา6เดือนรวม 1,357 เหรียญ พนักงานที่ถูกนายจ้างไล่ออกได้ทำลายข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในระบบon-line 
      เจ้าหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานแผนกคอมพิวเตอร์ ขโมยที่อยู่ของลูกค้า  จำนวน 3 ล้านราย เพื่อเรียกค่าไถ่จากบริษัท  รองประธานระบบคอมพิวเตอร์ หัวหน้าปฏิบัติการของธนาคารร่วมกับ
บุคคลภายนอกอีก 3 คน โอนเงินจากบัญชีของลูกค้าที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ไปเข้าบัญชีที่จัดทำขึ้นมา
       ผู้ปฏิบัติการคอมพิวเตอร์กดปุ่ม “Repeat” เพื่อจัดทำเช็คให้ตนเองถึง 200 ใบ  แต่ถูกจับขณะนำเช็คใบที่ 37 ไปแลกเงินสดจากธนาคาร
       การบันทึกรายการปลอม พนักงานคอมพิวเตอร์ต่อรองให้ทางบริษัทขึ้นเงินเดือนให้ทั้งแผนก ไม่เช่นนั้น ใบส่งของจำนวน 28,000 ใบ ที่กำลังจะส่ง จะถูกลดราคาลงไป 5%
       ผู้วิเคราะห์ของระบบห้างสรรพสินค้าใหญ่ สั่งซื้อสินค้าจากห้างราคาแพงแต่ให้ คอมฯพิม์ราคาต่ำ

ที่มา : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/374163